ท่ามกลางราคาพลังงานที่ผันผวนและแรงกดดันด้านความยั่งยืน ธุรกิจทุกขนาดกำลังเผชิญความท้าทายในการบริหารต้นทุนพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ Energy Trading หรือการซื้อขายพลังงานในตลาดเสรี แม้ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่น่าจับตามองสำหรับปี 2025 โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการวางแผนระยะยาวด้านต้นทุนพลังงานและเตรียมพร้อมสู่เป้าหมาย Net Zero
Energy Trading คืออะไร และทำไมธุรกิจไทยต้องรู้ไว้ล่วงหน้า
Energy Trading คือระบบที่เปิดให้ผู้ใช้พลังงานสามารถเลือกซื้อพลังงานจากแหล่งผลิตหรือผู้จำหน่ายได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดเพียงผู้ให้บริการรายเดียวเหมือนในระบบผูกขาดแบบเดิม ช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนพลังงานได้คล่องตัวมากขึ้น พร้อมเปิดทางสู่การเลือกใช้พลังงานสะอาดในราคาที่แข่งขันได้
แม้ประเทศไทยยังไม่มีการเปิดเสรีตลาดพลังงานเต็มรูปแบบ แต่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ได้เริ่มใช้ระบบนี้แล้วอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศเหล่านี้สามารถเลือกพลังงานที่ตอบโจทย์ทั้งด้านต้นทุนและความยั่งยืนได้มากกว่า
สำหรับธุรกิจไทย การทำความเข้าใจระบบนี้ตั้งแต่วันนี้จึงไม่ใช่แค่ “การตามเทรนด์” แต่คือการ “สร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์” เมื่อการเปิดเสรีเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
เหตุผลที่ธุรกิจไทยควรเริ่มศึกษา Energy Trading ตั้งแต่วันนี้
1. ระบบซับซ้อน ต้องใช้เวลาเรียนรู้ – Energy Trading ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของดีลราคาหรือการซื้อขายพลังงาน แต่ยังรวมถึงความเข้าใจเชิงลึกในเรื่องกลไกตลาด เทคโนโลยีการจัดการพลังงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง องค์กรที่เริ่มต้นเร็ว ย่อมพร้อมรับมือได้ก่อน
2. นโยบายพลังงานไทยกำลังพัฒนา – แม้ปัจจุบันยังไม่เปิดเสรีเต็มรูปแบบ แต่นโยบายพลังงานของไทยมีทิศทางที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านพลังงานหมุนเวียนและ Smart Grid ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบ Energy Trading
3. ตอบโจทย์เป้าหมาย Net Zero – การซื้อพลังงานสะอาดจากผู้ผลิตรายใหม่ผ่านระบบ Trading จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กร
4. การเชื่อมโยงกับตลาดโลก – ธุรกิจไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนระดับโลก จะได้รับแรงกดดันจากคู่ค้าต่างประเทศที่อยู่ในตลาดเสรีแล้ว ให้ปรับตัวด้านการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น และยังเป็นโอกาส หากธุรกิจมีแผนขยายการลงทุนไปยังประเทศที่มีตลาดไฟฟ้าเสรี จะสามารถเลือกแหล่งผลิตไฟฟ้าได้เอง และเข้าถึงต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่า ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
บ้านปู เน็กซ์ กับการเตรียมพร้อมเพื่ออนาคต Energy Trading ในไทย
ในฐานะผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บ้านปู เน็กซ์ เป็นหนึ่งในองค์กรไทยที่มีประสบการณ์ตรงด้าน Energy Trading จากการดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในตลาดไฟฟ้าเสรีที่พัฒนาแล้ว
ประสบการณ์ในตลาดต่างประเทศนี้ ทำให้บ้านปู เน็กซ์มีความเข้าใจเชิงลึกในระบบซื้อขายพลังงาน ตั้งแต่ระดับนโยบาย การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคา ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและช่วยจัดการความผันผวนในระบบ รวมถึงสร้างโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
ด้วยบทบาทของผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาด บ้านปู เน็กซ์จึงไม่เพียงแต่ติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายพลังงานในไทยอย่างใกล้ชิด แต่ยังมุ่งเน้น การให้คำปรึกษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับภาคธุรกิจไทย เพื่อวางแผนพลังงานระยะยาวได้อย่างรอบด้าน
แม้วันนี้ Energy Trading ยังไม่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย แต่การเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า คือการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับธุรกิจไทย ที่ต้องการยืนหนึ่งด้านต้นทุนพลังงาน ความยั่งยืน และความได้เปรียบทางการแข่งขันในยุคพลังงานใหม่
อ้างอิง :
- https://www.erc.or.th/th/energy-articles/2932
- https://www.greennetworkthailand.com/energy-trading-platform/
- https://www.electricityandindustry.com/banpu-power-energy-trading/
- https://www.sdgmove.com/2021/11/13/sdg-updates-electrification-and-roles-of-markets-in-just-energy-transition/
- https://capex.com/en/academy/energy-trading
#บ้านปูเน็กซ์ #EnergyTrading #NetZeroSolutions #ESG #พลังงานยั่งยืน